หลังจากที่สร้างที่พักอย่างง่ายด้วยเวทย์ปฐพี หญิงสาวก็หยิบอุปกรณ์ทำอาหารขึ้นมา
พร้อมกับจุดไฟ
มาเรีย วอร์มิลเลียนนั้นคืออดีต 1 ใน 7 เสาหลักขุนพลของจอมมาร
เธอนั้นมีใบหน้าที่งดงาม รวมด้วยรูปลักษณ์ของเธอ ผิวสีขาวราวกับหิมะและเรือนผมสี
ทองยาวถึงกลางหลังกับใบหน้าที่งดงาม เธอคือแวมไพร์ที่แท้จริงคนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์
ที่รอดจากการกวาดล้างของ'ผู้กล้า'
และแม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในสภาพชุดรุ่มร่ามเหมือนพ่อครัวทำอาหาร หรือจะอยู่ป่ามืด
ทืบที่เต็มไปด้วยต้นไม้รอบด้านเช่นตอนนี้นั้น ก็ไม่ได้ลดความงดงามของเธอลงไปเลย
' คืนนี้คงทำได้แค่สตูว์ละนะ '
มาเรียคิดพลางหยิบผักและเนื้อออกมาจากแหวนมิติของเธอ จากนั้นก็จัดการล้างทำ
ความสะอาดอีกครั้งก่อนที่จะหั่นแล้วเททั้งหมดลงไปในหม้อที่ต้มน้ำเดือด
ในขณะนั้น เธอก็ละสายตาจากหม้อที่ตั้งไฟตรงหน้าไปยังร่างเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆ
ตรงนั้น....มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอายุราวๆ 10 ขวบปี เรือนผมสีดำยาวประบ่า หน้าตาน่ารัก
ไร้เดียงสาในชุดเสื้อคลุมหลวมๆสีขาวที่ทำจากขนโคโบลด์
" ไม่ต้องให้หนูช่วยจริงๆหรอคะ? มาเรียซัง? "
" เหะ? อะ ค่ะ ไว้ใจดิชั้นเถอะค่ะฝ่าบาท มาเรีย วอร์มิลเลียน ผู้นี้จะทำสตูว์ที่ยอดเยียมที่
สุดและถูกปากฝ่าบาทอย่างแน่นอนเช่นเคยค่ะ "
" ง่า...ก็บอกว่าอย่าเรียกหนูว่าฝ่าบาทไงคะ? "
มาเรียที่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่สื่อได้ถึงความเคารพนับถือ ได้ถูกสาวน้อย
ตรงหน้าที่เธอเรียกว่า'ฝ่าบาท'ค้านออกมาด้วยท่าทีแง่งอน
แม้จะถูกค้านเล็กๆด้วยน้ำเสียงน่ารักนั้น แต่มาเรียก็ไม่คิดจะเปลี่ยนสรรพนามในการเรียก
หนูน้อยข้างๆเธอแต่อย่างใด
ในความเป็นจริงนั้น คงจะเป็นการยากที่เผ่าพันธุ์ปิศาจนั้นจะรับใช้เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอกว่าตน
โดยเฉพาะพวก'มนุษย์'
แน่นอนว่าระดับ 7 เสาหลักที่มีพลัง 'เป็นรองเพียงแค่จอมมาร' อย่างเธอเองก็ไม่เคยคิดว่าตน
เองจะได้มีโอกาสมารับใช้เด็กสาวชาวมนุษย์ที่มีอายุอ่อนกว่าตัวเธอเองถึง 300 กว่าปีเหมือนกัน
ทว่า ...เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่เธอได้พบกับเด็กสาว และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมาย
ในช่วงเวลานั้น สำหรับมาเรียแล้ว เด็กสาวตัวเล็กๆตรงหน้าของเธอคือคนสำคัญที่สุด
เป็นทั้งผู้มีพระคุณช่วยชีวิต ทั้งอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิชา เป็นองค์เหนือหัวที่น่านับถือยิ่ง ....และ
เป็นแม้กระทั่งครอบครัวที่แสนสำคัญ
" มาเรียซัง "
" ค่ะ ฝ่าบาท "
เสียงเล็กๆน่ารักดังขึ้น มาเรียนั้นตอบกลับโดยไม่ได้หันหน้าไปหาเด็กสาว
" -------เคย เห็นปราสาทที่สร้างจากทรายไหมคะ? "
มาเรียชะงักไปเล็กน้อย เธอเอียงคอครุ่นคิดครู่นึงก่อนจะยิ้มบางๆแล้วตอบกลับไปว่า
" ดิชั้นจำไม่ค่อยได้ แต่ว่าเมื่อสมัยก่อน รู้สึกจะเคยมีการแข่งกันสร้างปราสาททรายในบริเวณ
หาดทรายริมชายฝั่งของปราสาทจอมมารอยู่นะคะ... "
แม้จะเป็นคำถามแปลกๆ แต่มาเรียก็ตอบกลับไปด้วยท่าทีจริงจัง
" เอ๋!? มีการแข่งแบบนั้นด้วยเหรอคะ? "
ทว่าผู้ที่ถามกลับทำท่าทีตกใจกลับมาซะงั้น
" ค่ะ...รู้สึกว่ารางวัลในครั้งนั้นจะเป็นบัตรท่องเที่ยวแล้วก็ส่วนลดร้านค้าในครือของคาโลวาล
.......ว่าแต่ถามทำไมหรือคะ? "
" อืมมม....ก้อ--- "
เด็กสาวเงียบไป ก่อนที่เธอจะทำท่าครุ่นคิดด้วยสีหน้าจริงจังไม่เหมือนกับเด็กสิบขวบ
" ---เมื่อก่อน สมัยที่หนูยังอยู่กับคุณแม่ ท่านมักจะพาไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆในอาณาจักรน่ะค่ะ
แล้วที่สวนสาธารณะมันก็มีหาดทรายใหญ่ๆอยู่นอกจากเครื่องเล่นด้วย "
เด็กสาวพูดพลางหลับตาพริ้มราวกับกำลังรำลึกความหลัง เธอเว้นช่องเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
ไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า
" ......เวลาที่เห็นคนอื่นๆพยายามสร้างปราสาททรายขึ้นมาอย่างเอาเป็นเอาตายถึงขนาดนั้น
หนูมักจะคิดเสมอๆเลยละค่ะว่า -----อยากจะวิ่งไปเตะมันให้กระจุยไปซะจังเลยน้า---น่ะค่ะ "
เด็กสาวกำมือแล้วพูดออกมาด้วยสายตาเป็นประกาย
------มาเรียพลั้นนึกย้อนกลับไปวันแรกที่เธอได้พบกับเด็กสาว
------ย้อนกลับไปยังวันนั้น วันที่เธอตัดสินใจออกจากตำแหน่งขุนพลของจอมมาร แล้วหันมา
ตามรับใช้เด็กสาวชาวมนุษย์ตรงหน้าเธอ
' เป็นการกระทำที่ไม่น่าจะได้รับคำชมเชยหรือคำขอบคุณจากใครที่ไหนเลยละนะ... '
มาเรียคิดว่าสิ่งที่ได้คงจะมีแต่เสียงด่าทอมากกว่า
ทั้งการกระทำของเธอ และเรื่องที่เด็กสาวพูดด้วย
ทว่า....
" งี้นี้เอง.......'น่าสนุก' จังเลยนะคะนั่น "
" ฮี่ฮี่ ใช่ไหมคะ "
พอมาเรียตอบกลับไปแบบนั้น เด็กสาวก็ยิ้มสดใสกลับมาให้เธอ
ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนเด็กขี้แกล้ง แผนการร้ายที่ไร้สาระและน่าหวาดกลัวที่สุดนั้น ได้เริ่ม
ดำเนินการขึ้นอย่างเงียบๆโดยคนสองคน
หนึ่งคืออดีตขุนพลของจอมมาร 'แวมไพร์ที่แท้จริง' คนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์
และอีกหนึ่ง ...คือเด็กสาวไร้เดียงสา -----ที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่า 'ผู้กล้า'